

ชื่อเรียกสายไฟฟ้าที่ช่างไฟนิยมใช้มีอะไรบ้าง
สายตีกิ๊ฟ หรือ สายแบน หมายถึง สายไฟ VAF
สายเดี่ยว หรือ สายกลม หมายถึง สายไฟ THW
สายฝังดิน หมายถึง สายไฟ NYY
สายอ่อน สายฝอย หมายถึง สายไฟ VCT
สายคอนโทรล หมายถึง สายไฟ VSF และ CVV
ลักษณะของสายไฟแต่ละชนิด
- สายไฟที่ใช้ติดตามอาคาร (สายมอก. : Building Wire) เป็นสายไฟที่มีตัวนำทองแดง ฉนวนเป็น PVC แรงดันที่ใช้งานไม่เกิน 450/750V อุณหภูมิใช้งานที่ 70 ํC เช่น สาย60226 IEC01 (THW),VCT ,VAF, NYY
- 60227 IEC 01 (THW) เป็นสายไฟฟ้าที่รับแรงดันไฟฟ้าได้ 450/750V ฉนวนทำจาก PVC ตัวนำทองแดง เป็นสายนิยมใช้อย่างกว้างขวางสำหรับการเดินสายภายในอาคาร วิธีการติดตั้งและการใช้งาน ใช้เดินบนรางwire-way เดินร้อยท่อเดินใต้ฝ้าอาคาร หรือร้อยท่อฝังผนังคอนกรีต
- VCT เป็นสายไฟฟ้าที่รับแรงดันไฟฟ้าได้ 450/750V ฉนวนและเปลือกทำจาก PVC ตัวนำทำจากทองแดงฝอยเส้นเล็กๆมัดรวมกันเป็นแกน มีทั้งแบบ 1 แกน 2 แกน 3 แกน และ 4 แกน ข้อดีของตัวนำทองแดงที่เป็นเส้นฝอยคือมีความอ่อนตัวและทนต่อสภาพการสั่นสะเทือนได้ดี นอกจากนี้ยังมีสาย VCT-G เป็นสายVCT ที่มีสายดินเดินรวมไปด้วยอีกเส้นหนึ่ง เพื่อให้เหมาะกับการใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องต่อลงดิน การใช้งานเดินบนรางเคเบิล ร้อยท่อฝังดิน หรือฝังดินโดยตรงก็ได้
- NYY เป็นสายไฟที่รับแรงดันไฟฟ้าได้ 450/750V เช่นเดียวกับสาย VCT ต่างกันตรงที่โครงสร้างของสายไฟ คือสาย NYY จะมีเปลือกสองชั้น คือ เปลือกชั้นในและเปลือกชั้นนอก แต่สาย VCT มีเปลือกชั้นเดียว ทำให้สาย NYY มีความแข็งแรง คงทนต่อสภาพแวดล้อมมากกว่าสาย VCT มีตั้งแต่ 1 แกน ถึง 4 แกน และยังมี NYY-G ที่มีสายดินเดินรวมไปด้วย การใช้งานสามารถฝังดินโดยตรงได้ เดินลอยในอากาศ ร้อยท่อฝังดิน ร้อยท่อฝังผนังคอนกรีต ร้อยท่อเดินใต้ฝ้าอาคาร เดินบนรางเคเบิล
เดินในช่องเดินสายwire-way
- 60227 IEC 10 เป็นสายไฟฟ้าที่มีลักษณะโครงสร้างเหมือนสาย NYY มาก ทำให้ผู้ใช้มักสับสนอยู่บ่อยๆ ความแตกต่างระหว่างสายไฟสองชนิดนี้คือ สาย60227 IEC 10 มีเปลือกที่บางกว่า และทนแรงไฟฟ้าได้เพียง 300/500V และไม่สามารถเดินสายฝังดินได้ การใช้งานสามารถเดินลอยในอากาศ ร้อยท่อฝังผนังคอนกรีต ร้อยท่อเดินใต้ฝ้าอาคาร เดินเกาะผนัง เดินบนรางเคเบิล เดินในช่องเดินสายwire-way
- VAF เป็นสายไฟฟ้าที่รับแรงดันได้ 300/500V ตัวนำเป็นทองแดง ฉนวนและเปลือกทำจาก PVC นิยมใช้เดินตามฝาผนังแล้วรัดด้วยเข็มขัดรัดสาย (clip : กิ้บ) หรือเดินในช่องเดินสาย แต่ห้ามร้อยท่อและห้ามเดินฝังดิน นอกจากนี้ยังมีสาย VAF-G ที่มีสายดินเดินรวมไปด้วยอีกเส้นหนึ่ง
- สายไฟฟ้าแรงดันต่ำ (Low voltage power cable) รับแรงดันไฟฟ้าได้ไม่เกิน 3.6kV ส่วนใหญ่จะมีฉนวนเป็น Cross-linked polyethylene (XLPE) ซึ่งมีความแข็งแรง ทนทานกว่าฉนวนPVC และยังทนความร้อนได้สูงถึง 90 ํC บางชนิดอาจมีการเสริมโครงสร้างโลหะเพื่อรับแรงกระแทกที่จะเกิดขึ้นจากการติดตั้งได้มากขึ้น เช่น สายCV, สายCV-AWA, สายCV-SWA เป็นต้น
- 0.6/1 kV XLPE/PVC (สายCV) รับแรงดันได้ 600/1000V ฉนวนทำจากCross-linked polyethylene (XLPE)
เปลือกนอกเป็นPVC ตัวนำเป็นทองแดง มีตั้งแต่ชนิดตัวนำแกนเดี่ยว จนถึง ตัวนำสี่แกน การใช้งานสามารถฝังดินโดยตรง
ร้อยท่อฝังดิน ร้อยท่อฝังผนังคอนกรีต ร้อยท่อเดินใต้ฝ้าอาคาร เดินเกาะผนัง เดินบนฉนวนลูกถ้วย และ เดินในช่องเดินสายชนิดwire-way ที่ปิดมิดชิด
- 0.6/1 kV XLPE/PVC/AWA (สายCV-AWA) และ 0.6/1 kV XLPE/PVC/SWA (สายCV-SWA) รับแรงดันได้ 600/1000V ฉนวนเปลือก ตัวนำและการใช้งานเหมือนสายCV แต่มีการเสริมโครงสร้างลวดอะลูมิเนียมและลวดเหล็กตามลำดับ เรียกโครงสร้างชั้นนี้ว่า Metallic Shield โดย Metallic Shield นี้จะช่วยสลายประจุไฟฟ้าที่เกิดขึ้นบนผิวฉนวนไม่ให้แพร่ไปยังโครงสร้างชั้นอื่นๆ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการใช้งาน
- สายไฟฟ้าควบคุม (Control Cable) สายไฟฟ้าแรงดันต่ำตามมาตรฐาน ที่ใช้งานในด้านการควบคุมของระบบขนาดแรงดัน 600V เช่น สายCVV, สายCVV-S, สายCVV-SWA เป็นต้น
- 600V CVV รับแรงดันได้ 600V ฉนวนและเปลือกทำจาก PVC อุณหภูมิใช้งานที่ 70 ํC และยังมีโครงสร้าง
- สายไฟฟ้าแรงดันปานกลาง (Medium voltage power cable) รับแรงดันไฟฟ้าตั้งแต่ 3.6kV ถึง 36kV มีทั้งตัวนำอะลูมิเนียมและตัวนำทองแดง มีโครงสร้างหลายแบบขึ้นอยู่กับลักษณะการนำไปใช้งาน เช่น สายSAC, สายPIC, สายMXLP-DATA, สายMXLP-AWA, สายMXLP-LS-SWA
- สายSAC ตัวนำอะลูมิเนียม ฉนวนและเปลือกCross-linked polyethylene (XLPE) เป็นสายไฟที่มีน้ำหนักเบา เหมาะสำหรับการเดินสายไฟบนเสาไฟฟ้า รับแรงดันได้ 3 ขนาด คือ 15kV 25kV และ 35kV
- สายMXLP-DATA คือสายไฟฟ้าแรงดันขนาดกลางที่มีโครงสร้างเสริมคือ Double Aluminium Tape Armour เพื่อช่วยรับแรงกระแทกและป้องกันความเสียหายของฉนวนที่จะเกิดขึ้นขณะติดตั้งและใช้งานสายไฟ โครงสร้างของสายจะประกอบด้วย
ตัวนำทองแดง ฉนวนCross-linked polyethylene (XLPE) เปลือกทำจาก PE (Polyethylene : PE)
- สายMXLP-AWA คือสายไฟฟ้าแรงดันขนาดกลางที่มีโครงสร้างเสริมคือ Aluminium Wire Armour
ตัวนำทองแดง ฉนวนCross-linked polyethylene (XLPE) เปลือกทำจาก Black PE (PE : Polyethylene)
- สายMXLP-LS-SWA คือสายไฟฟ้าแรงดันขนาดกลางที่มีโครงสร้างเสริมคือ Lead Sheath และ Steel Wire Armour
ตัวนำทองแดง ฉนวนCross-linked polyethylene (XLPE) เปลือกทำจาก Black PE (PE : Polyethylene)
ข้อดีของ Lead Sheath คือ สามารถป้องกันการซึมของน้ำ ทนต่อการกัดกร่อยของไอน้ำมันและสารเคมีบางชนิดได้อย่างดี นิยมใช้สายประเภทนี้ในการเดินสายไฟใต้ดินและงานอุตสาหกรรมปิโตรเคมี (Oil&Gas)
- สายไฟฟ้าแรงดันสูง (High voltage power cable) รับแรงดันไฟฟ้าตั้งแต่ 36kV ถึง 170kV ตัวนำทองแดง มีโครงสร้างหลายแบบขึ้นอยู่กับลักษณะการนำไปใช้งาน เช่น
- 69 kV Cu/XLPE/CWS/LAT/PE สายไฟแรงดันสูงที่รับแรงดันได้สูงสุด 69kV ตัวนำทองแดง ฉนวนXLPE เสริมโครงสร้าง Copper wire shield เพื่อสลายประจุไฟฟ้าที่เกิดขึ้นบนผิวฉนวนไม่ให้แผ่ไปยังโครงสร้างชั้นอื่นๆ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการใช้งาน และ Laminated Aluminium tape เพื่อป้องกันการซึมของน้ำ เปลือกเป็น PE ซึ่งทำเป็นลักษณะของ Ribbed Oversheath ซึ่งช่วยลดแรงเสียดทานในขณะทำการลากสาย
- 36/69(72.5) kV Cu/XLPE/LS/PE สายไฟที่รับแรงดันได้สูงสุด 72.5 kV ตัวนำทองแดง ฉนวนXLPE เสริมโครงสร้าง Lead Sheath ที่ช่วยป้องกันการซึมของน้ำ ทนต่อการกัดกร่อนของไอน้ำมันและสารเคมีได้ดี(นิยมใช้ในงานอุตสาหกรรมปิโตรเคมี) เปลือกทำจาก PE
- 127/230(245) kV Cu/XLPE/CCS/PE สายไฟที่รับแรงดันได้สูงสุด 245 kV ตัวนำทองแดง ฉนวนXLPE เสริมโครงสร้าง Corrugated copper sheath ที่ช่วยป้องกันการซึมของน้ำและช่วยรับแรงกระแทก ความพิเศษของ Corrugated sheath คือ มีความยิดหยุ่น ทำให้สามารถดัดโค้งสายไฟได้ง่ายขึ้น เปลือกทำจาก PEM
- สายเปลือย (Bare Conductor) สายส่งไฟฟ้าแรงดันสูง เนื่องจากไม่มีฉนวนจึงสามารถรับแรงดันได้ไม่จำกัด นิยมใช้เป็นสายส่งกำลังในเขตนอกเมือง ที่ไม่มีผู้คนอยู่อาศัย เพราะสายไฟไม่มีฉนวนป้องกันกระแสไฟฟ้าซึ่งจะเป็นอันตรายต่อคนที่อยู่ใกล้ๆได้ มีทั้งตัวนำอะลูมิเนียมและทองแดง แต่อะลูมิเนียมจะเป็นที่นิยมกว่าเพราะมีน้ำหนักเบาและราคาถูกกว่าตัวนำทองแดง เช่น
- - สาย AAC (All Aluminium Conductor) ตัวนำเป็นอะลูมิเนียมททั้งสายตีเกลียวรวมกัน
- - สาย ACSR (Aluminium Conductor Steel Reinforced) ตัวนำอะลูมิเนียม มีเหล็กตรงแกนกลาง เพื่อช่วยรับน้ำหนักเมื่อเดินสายระยะไกล
- - สาย Bare Copper ตัวนำทองแดงทั้งเส้นตีเกลียวรวมกัน สามารถฝังดินโดยตรง หรือ เดินบนอากาศก็ได้
เลือกซื้อสายไฟ ต้องดูอะไรบ้าง?
การเลือกซื้อสายไฟฟ้าจะดูเพียงแค่ ‘ราคา’ อย่างเดียวไม่ได้ เพราะสายไฟเป็นเรื่องของความปลอดภัย อุบัติเหตุที่เกิดจาการชำรุดของสายไฟ อันตรายทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้ใช้ สายไฟที่มีคุณภาพและความปลอดภัยควรมีลักษณะ 4 ข้อ ดังนี้
- 1. ทองแดงที่ใช้ทำตัวนำต้องเป็นทองแดงแท้ ไม่มีสิ่งปลอมปนและไม่ใช้ทองแดงรีไซเคิล ตัวนำทองแดงที่มีความบริสุทธิ์ 99.99% คือ ทองแดงเกรดที่ดีที่สุดสำหรับผลิตสายไฟฟ้า เพราะนอกจากจะมีการนำไฟฟ้าที่ดีที่สุดแล้ว ยังช่วยเรื่องความปลอดภัยในการใช้งานอีกด้วย
- 2. ตัวนำทองแดง ไม่เปราะ ไม่หักง่าย เพราะทองแดงที่เปราะและหักง่ายเป็นสาเหตุหลักของไฟฟ้าลัดวงจร
- 3. ต้องเป็นฉนวนเกรดพรีเมี่ยม มีความทนทาน ทนความร้อนได้ดี เพราะ ฉนวนคือเกราะป้องกันอันตรายจากกระแสไฟฟ้าสู่ผู้ใช้งาน หากใช้สายไฟที่ฉนวนไม่ได้คุณภาพ เราก็จะเสี่ยงอันตรายจากการถูกไฟดูด หรือ เกิดไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งเป็นสาเหตุของเพลิงไหม้ได้
- 4. เป็นสายไฟที่ได้รับมาตรฐานความปลอดภัยในระดับสากล เช่น BASEC, UL, KEMA และ SGS ซึ่งมาตรฐานดังกล่าวเป็นมาตรฐานด้านคุณภาพและความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก
ทำไมจึงไม่นิยมใช้สายตัวนำอะลูมิเนียมในบ้านหรืออาคาร?
เพราะสายอะลูมิเนียมจะต้องใช้สายเบอร์ใหญ่กว่าทองแดง ในระดับการรับกระแสที่เท่ากัน เช่น สายอลูมิเนียมเบอร์ 16 จะมีความสามารถนำไฟฟ้าได้ดีเท่าสายทองแดงเบอร์ 10 ซึ่งในการเดินสายภายในอาคารบางครั้งจะติดปัญหาถ้าต้องใช้สายไฟที่มีขนาดใหญ่ เพราะจะทำให้เดินสายลำบากและดูไม่สวยงามอีกด้วย นอกจากนี้สายทองแดงก็สามารถดัด โค้ง งอ ได้ดีกว่าอะลูมิเนียม จึงนิยมใช้สายทองแดงมาทำสายภายในอาคารมากกว่าสายตัวนำที่ทำจากอะลูมิเนียม ถึงแม้ว่าสายอะลูมิเนียมจะมีน้ำหนักเบาและราคาถูกกว่าก็ตาม
สาเหตุหลักๆที่ทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร?
ฉนวนไม่ได้คุณภาพ ทนความร้อนได้ไม่ดี ทำให้ฉนวนละลายหรือเสื่อมสภาพเร็ว จนเป็นสาเหตุให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้
- ตัวนำทำจากทองแดงรีไซเคิล หรือ ทองแดงไม่บริสุทธิ์ ทำให้ทองแดงสูญเสียความยืดหยุ่น จนทำให้ทองแดงเปราะและหักง่าย เป็นสาเหตุทำให้สายไฟชำรุด และ เกิดไฟฟ้าลัดวงจรในที่สุด
- เลือกใช้สายไฟไม่เหมาะกับปริมาณแรงดันไฟฟ้าที่ต้องใช้จริง
ขนาดแรงดันไฟฟ้าและขนาดตัวนำ ที่สามารถผลิตได้ในประเทศไทยมีขนาดเท่าใด
ปัจจุบันบริษัทเฟ้ลปส์ ดอด์จ เป็นผู้ผลิตรายเดียวในประเทศไทยที่สามารถผลิตสายไฟที่มีขนาดแรงดันไฟฟ้าได้สูงสุดถึง 245 kV และผลิตสายไฟที่มีขนาดตัวนำได้ใหญ่สูงสุดถึง 2500 mm2 ซึ่งถือเป็นขนาดแรงดันและขนาดตัวนำที่สูงที่สุดที่สามารถผลิตได้ในประเทศไทยแล้ว
VCV คือ อะไร?
Vertical Continuous Vulcanization : VCV คือสุดยอดเทคโนโลยีการหุ้มฉนวนในแนวดิ่ง ถูกออกแบบมาเพื่อใช้หุ้มฉนวน XLPE สำหรับสายไฟฟ้าแรงดันสูงโดยเฉพาะ เนื่องจากฉนวนของสายไฟฟ้าแรงดันสูงมีขนาดใหญ่และมีน้ำหนักมาก จึงทำให้ยากต่อการหุ้มฉนวน อีกทั้งยังมีปัญหาเรื่องแรงโน้มถ่วงของโลกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เพราะน้ำหนักของฉนวนจะหย่อนคล้อยตามแรงโน้มถ่วงของโลก การหุ้มฉนวนด้วยเทคโนโลยี VCV จะทำให้ฉนวนของสายไฟอยู่ตรงศูนย์กลาง ไม่เอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง และตัดปัญหาเรื่องแรงโน้มถ่วงของโลกออกไปด้วย VCV ถือเป็นสุดยอดเทคโนโลยีการหุ้มฉนวนที่นิยมใช้อย่างแพร่หลาย ในกลุ่มผู้นำด้านการผลิตสายไฟฟ้าทั่วโลก
อันตรายจากไฟฟ้าลัดวงจร
ในปัจจุบัน สาเหตุของหลักของการเกิดเพลิงไหม้ คือ ‘ไฟฟ้าลัดวงจร’ ซึ่งเพลิงไหม้จากไฟฟ้าลัดวงจรเกิดขึ้นจากการที่ฉนวนสายไฟเสื่อมสภาพ เมื่อสายไฟที่ไม่มีฉนวนหุ้มมาแตะกัน ทำให้เส้นลวดตัวนำในบริเวณนั้นสัมผัสกัน ทำให้กระแสไฟฟ้าไหลในวงจรสั้นลง(ลัดวงจร) และเกิดความร้อนสะสม ณ จุดที่ตัวนำทั้งสองแตะกัน จนเป็นสาเหตุทำให้เกิดเพลิงไหม้ในที่สุด ซึ่งกระบวนการเหล่านี้เรามักจะมองไม่เห็นเพราะ สายไฟจะเดินบนฝ้าบ้าง ร้อยท่อบ้าง กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เกิดเพลิงไหม้แล้ว
นอกจากนี้ถ้าเราไปสัมผัสกับจุดที่ฉนวนเสื่อมสถาพ จะทำให้กระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านร่างกาย เป็นอันตรายถึงชีวิต